วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

ลูกสะกดมหาอุดคงกระพันชาตรี



ลูกสะกดดีทางมหาอุดและคงกระพันชาตรี 


                  ในตำรับตำราเครื่องรางของขลังไทยเรานั้นจะมีด้วยกันหลายอย่าง ๆ ที่เป็นเครื่องคาดก็จะมีตะกรุด เป็นหลัก หากไม่ใช่มหาอุดแล้วละก้อ เมื่อร้อยเข้าพวงเพื่อคาดเอวแล้ว  จะต้องหาอะไรมาบังคับเอาไว้ไม่ให้เคลื่อนที่ไปมาวิธีที่ง่ายที่สุดคือ  ด้วยการแก้เชือกให้เป็นปมใหญ่พอที่จะทำให้ตะกรุดไม่เคลื่อนที่แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่งก็คือ การทำลูกสะกด และเป็นอย่างไรนั้นผู้เขียนจะอธิบายให้ท่านผู้อ่านได้ทราบอย่างละเอียดเลยทีเดียวในเรื่องนี้ ก่อนอื่นจะต้องพูดถึงความแตกต่างกันระหว่างลูกสะกดกับลูกอมซึ่งเป็นเครื่องรางทั้งสองอย่างนี้และพอที่จะแยกกันได้คร่าว ๆ ดังนี้                 
·     ลูกอม  หมายถึงการนำเอาวัสดุต่าง ๆ ที่เหมาะสมอาทิเช่น ผงผสมตังอิ๊ว ดินเผา ผงว่านยากาฝาก บอระเพ็ด ขี้ผึ้งเทียนชัย น้ำตาเทียนเทียนชัย โลหะต่าง ๆ แต่ละอย่างเอามาตีแผ่นให้เป็นแผ่นแล้วเข้าพิธีลงเลขยันต์อักขระเวทย์มนตร์ คาถา ประจุลงเสร็จแล้วเอาไปเข้าพิธีหล่อหลอมให้ละลายเข้ากัน ซัดว่านยาแล้วเทลงไปในเบ้ากลมตามขนาดที่ต้องการเมื่อเอาออกจากเบ้าแล้วก็ต้องขัดแต่งให้กลมเกลี้ยงเรียบร้อย  แล้วปลุกเสกผูกเป็นการเสร็จพิธีซึ่งพิธีที่ทำนั้น เป็นขั้นตอนและพิถีพิถันมากทีเดียว  (ยกเว้นตะกรุดลูกอมที่มีรูตรงกลางอันเกิดจากการม้วนโลหะ)วัตถุประสงค์ในการใช้ก็คือการอมไว้ในปากเพื่อป้องกันตัว         
·     ลูกสะกด  เป็นคำนามมีความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานว่า ลูกประคำที่ใช้เป็นลูกคั่น มีสันฐานกลมเกลี้ยงและถ้าพูดถึงขนาดนั้นจะใหญ่กว่าหรือเท่ากับลูกอมแต่มีการเจาะรูตรงกลางเพื่อร้อยเชือกแล้วประกบหัวท้ายตระกรุดไม่ให้เคลื่อนที่หรือจะไม่เจาะรูก็ย่อมได้ไม่ผิดกติกาอันใด คราวนี้ผู้เขียนจะมาพูดถึงความหมายอีกอย่างหนึ่งของลูกสะกดตรงตัวที่คำว่า  “สะกด”  ซึ่งหมายถึงการข่มหรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้เคลิบเคลิ้มอยู่ภายใต้อำนาจส่วนคำว่า  “ลูกสะกด”  ในความหมายที่นี้หมายถึง  ก้อนกรวดก้อนเล็ก ๆ ลูกอม  ลูกกระสุนดินเผาหรือวัสดุอย่างอื่นที่นำมาเสกเป่าภาวนาด้วยคาถามหานิทรา  แล้วขว้างข้ามหลังคาบ้านหลังคาค่าย  ทำให้คนในบ้านในค่ายแม้แต่สัตว์ที่มีอยู่ในสถานที่นั้นจะหลับไหลไม่ได้สติจนกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นมาในตอนเช้า การสร้างลูกสะกดนั้น  ไม่ใช่จะทำกันได้ง่าย ๆ ซึ่งจะต้องผ่ากรรมวิธีหลายขั้นตอน  ในที่นี้จะกล่างถึงการทำลูกสะกดตะกั่วแบบง่าย ๆ ที่โบราณาจารย์ท่านนิยมกระทำกันมีหลักการดังต่อไปนี้


1. เอาตะกั่วนมมาหลอมจนละลาย  แล้วเทลงไปบนถาดโลหะเพื่อให้แผ่เป็นแผ่นเมื่อโลหะเย็นลงแล้วก็แกะออกมา
2. เอาเหล็กจารมาลงอักขระหัวใจพระคาถาต่าง ๆ เรียกสูตรไปเขียนไปจนเต็มแผ่นหมดด้านหนึ่งแล้วพลิกอีกด้านหนึ่งมา     จารจนเต็ม
3. เอาตะกั่วอันเดิมไปหลอมอีกแล้วเทลงในแบบพิมพ์เดิม  เมื่อเย็นก็เอามาลงอักขระอีกครั้งหนึ่งแล้วก็หลอมอีก  ทำอย่างนั้นไปเก้าครั้งเก้าหนจึงจะมาขั้นสุดท้ายกรรมวิธีนี้เรียกว่าลงถมหรือการจารอักขระทับถมไปบนแผ่นโลหะ

             หากได้แบบที่เหมาะ ๆ เป็นรูปกลมหรือรูปยาวรีหลอมตะกั่วแล้วเทลงบนแบบ  เมื่อเย็นแล้วแกะออกมาและตกแต่งผิวให้เรียบร้อยพร้อมเจาะรูตรงกลางจึงจารอักขระซ้ำลงไปเป็นหัวใจ  จึงร้อยเชือกประกันกับตะกรุด  หรือร้อยเชือกเอาไว้ให้คาดเอวเรียกว่า  “ลูกสะกด”  หากไม่เจาะรูก็ใช้เป็นลูกอม  จะอมในปากก็ได้เช่นกัน        ลูกสะกดนี้นอกจากจะทำด้วยตะกั่วแล้วยังทำด้วยการผสมโลหะต่าง ๆ อาทิเช่น  สัตโลหะ  ปัญจโลหะ  เมฆพัตร  เมฆสิทธิ์  นวโลหะและเหล็กละลายตัว  หรือแล้วแต่ท่านโบราณจารย์ผู้ชาญฉลาดจะประดิษฐ์คิดแต่ทำกัน ขึ้นมาอาจจะเป็นวัตถุมงคล  หรืออาถรรพณ์ต่าง ๆ ที่นำเอามาเป็นส่วนผสมพร้อมกับลงอักขระเลขยันต์จนเห็นว่าดีแล้วนั่นเองจึงเอามาทำเป็นลูกสะกด         
      
   ลูกสะกดนี้หากไม่ได้ใช้สะกดหัวตะกรุด  จะเอามาร้อยพวงรวมกันก้ได้ไม่เสียหายแต่อย่างใด  หรือหากจะเอาไปอมในปากเป็นลูกอมก็ไม่ติดขัดแต่ประการใดใช้ได้ทั้งนั้น  เพราะเป็นของสำเร็จที่สร้างขึ้นให้ใช้ป้องกันตัว  ยกเว้นลูกสะกดกับปรอทเป็นสารมีพิษต่อร่างกาย  บางคนแพ้อาจจะทำให้เยื่อบุในปากและเหงือกตลอดจนคออักเสบ ลุกลามไปกันใหญ่  และอย่าลืมว่าเป็นอันตรายต่อร่างกาย ในที่นี้จะไม่กล่าวถึงลูกสะกดในการสะกดคนในบ้านให้หลับด้วยการโยนข้ามหลังคา  เพราะเป็นวิชาโจร ซึ่งเป็นวิชาอันตรายต่อคนทั่วไป  ดังนั้นสมัยโบราณทีสอนกันเขาก็ให้มีสัจจะว่า  “เมื่อผ้าขาดก้นเมื่อใดก็ให้ทำครั้งหนึ่งเอาพอได้ค่าเสื้อผ้าค่าเลี้ยงดูครอบครัวและบริวารก็ให้เลิก”  เรียกว่าปีหนึ่งทำครั้งเดียวและต้องเลือกเฉพาะผู้ที่มีฐานะดีเท่านั้นจึงจะควร  ถ้าผิดสัจจะพระอาจารย์ท่านเมื่อใดก็ตายลูกเดียว ทีนี้มาทำความรู้จักกับลูกสะกดของพระอาจารย์ท่านกันบ้าง  เป็นลำดับดังนี้          

        ลูกสะกดที่มีชื่อเสียงเป็นที่โจษจรรย์กันมากก็คือ  ลูกสะกดวัดพระแก้ว  (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม  กทม.)
 ลูกสะกดที่ว่านี้ทำด้วยชินผสมตะกั่ว  กล่อมเป็นรูปยาวรีเจาะรูผ่านตลอด   
       ลูกสะกดพระอาจารย์ทับ  แห่งวัดอนงคารามลักษณะกล่อมกลมหรือยาวรี  หรืออาจมีสัณฐานต่างออกไปบ้างลูกสะกดของพระอาจารย์ทับมักไม่ค่อยจะเจาะรูตลอด  เพราะท่านสร้างด้วยเนื้อเมฆสิทธิ์จึงยากต่อการเจาะ  เพราะเนื้อชนิดนี้เปราะและแตกสลายง่าย          
      ลูกสะกด ที่ได้รับความนิยมเล่นหากันเป็นอย่างมากอีกอาจารย์ท่านหนึ่งก็คือ  ลูกสะกดของหลวงปู่เนียมวัดน้อย  
จังหวัดสุพรรณบุรี  ลูกสะกดของอาจารย์ท่านนี้กล่อมเป็นลูกกลม ๆ มีทั้งที่ทำด้วยเนื้อตะกั่วผสมชินและเนื้อเมฆพัด 
แต่มีที่สังเกตอยู่หน่อยก็ตรงที่เป็นรูสะดืออยู่ที่พอเป็นที่สังเกต         
         ลูกสะกดของหลวงปู่ศุข  วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาทก็มีอยู่เหมือนกันครับ  แต่ของท่านมักจะสร้างด้วยไม้หัวรอด  หัวกลอน  ท่านอาจจะเอาเคล็ดของคำว่า  “รอด”  และหนักแน่นเหมือน  “กลอน”  (ที่ใช้ขัดประตู) แต่ทางจังหวัดชัยนาท  มักนิยมเรียก  “ลูกเครื่อง”          
             ลูกสะกด  อีกชนิดหนึ่งของหลวงปู่จันทร์  วัดใหม่โมลีโลก  จังหวัดนนทบุรี  ที่สร้างจากวัสดุอาถรรพณ์คือแร่บางไผ่  และ  (เป็นผู้สร้างพระปิดตาแร่บางไผ่อันลือชื่อ)  มีลักษณะกลมหรือรีสามารถติดแม่เหล็กได้และจะพิจารณาดูง่าย ๆ คือ  สนิมจะเปียกเหมือนยางหมากเป็นแผ่น  ไม่เป็นขุยหรือเป็นเกล็ดเล็ก ๆ และสนิมไม่แห้งผากเหมือนสนิมเหล็กธรรมดาทั้วไป  ถ้าเนื้อเป็นเสี้ยนหรือเป็นเสี้ยนเล็ก ๆ ปรากฎอยู่อย่างนั้น  ท่านว่าดูง่ายมาก  แต่เนื้อแร่ไผ่แท้อาจจจะไม่เป็นเสื้ยนก็ได้  ซึ่งเนื้อชนิดนั้นเรียกกันว่า  “เนื้อแตง”  (แตงโม)  และที่สำคัญก็คือ 

      สำคัญก็คือ  สนิมแร่บางไผ่จะต้องเปียกฉ่ำและเป็นแผ่นไม่เป็นขุย          ยังมีลูกสะกดบางอย่างที่นิยมเอาทองชนวนที่เหลือจากการเทพระกริ่งหรือพระชัยวัฒน์มากล่อมทำเป็นลูกสะกด  เพราะทองชนวนเหล่านั้นได้ผสมจากวัสดุอาถรรพณ์และวัสดุมงคลต่าง ๆ กับได้ผ่านการลงอักขระเลขยันต์และปลุกเสกมาอย่างดีแล้วเรียกว่า  “เป็นของทนสิทธิ์”  คือมีดีอยู่ในตัวแล้วนั่นเอง  เมื่อนำเอามากล่อมทำลูกสะกดก็ย่อมจะใช้เป็นเครื่องรางของขลังได้ดีอย่างหนึ่งเหมือนกัน    อานุภาพแห่งลูกสะกดนั้นพระอาจารย์ท่านทั้งหลายได้มุ่งหมายให้ใช้ทางมหาอุดและคงกระพันชาตรีด้วย สำเร็จขึ้นจากการหล่อหลอมโลหะและเตโชธาตุหรือแม้จะทำด้วยผงหรือว่านนั้นก็ดี     เมื่อท่านได้รู้จักสะกดกันแล้วก็จะขอบอกเคล็ดลับการใช้ลูกสะกดเพื่อให้สมบูรณ์  ท่านจะได้นำไปใช้กันได้ ถูกต้องดังนั้นจะมีคาถาอาราธนาลูกสะกดดังนี้
คาถาอาราธนาลูกสะกด
อิติพันธะเกษามะอะอุ  พันธะโลมาจะภะกะสะพันธะนักขามะนะนพะทะ  พันธะทันตากระมะถะ  พันธะตะ โจอิสวาสุ  พันธะนังสังจิปีเสดิ  พันธนะหะรูหะรูสุวิสังอะ  พันธะอัฐิทุสะมะนิ  พันธะอัตถิมินชังนะสังสิโม  พันธะวักกังปะวะอะปะ
ทิมะสังอังขุ  นะมะอะอุ  นะมามิหัง  สิทธิเตชัง  สิทธิวาจัง  กายะพันธะนัง  องคะพันนธะนัง  สารพัดสิทธิ  ภะวันตุเมฯ
       คาถานี้ให้ตั้งนะโมฯ 3 จบก่อนแล้วยกลูกสะกดขึ้นจดเหนือหน้าผาก  จึงค่อยภาวนาพระคาถาให้จบบท  สูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอดแล้วผ่อนออก  และเมื่อเวลาจะคาดเข้าเอวให้ภาวะนาพระคาถานี้จนกว่าจะผูกเงื่อนเสร็จให้ภาวนาดังนี้ อิมังกะยะพันธะนังอธิษฐานมินะมะพะทะ”       มีอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรลืม 
         มีอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรลืม  เวลาคาดเอวให้ผูกเงื่อนพิรอด  อย่าไปผูกเงื่อนตายเข้าแล้วกันเพราะเงื่อนพิรอดนั้นเป็นมงคลแถมยังแก้ง่ายด้วย  ส่วนเงื่อนตายไม่เป็นมงคลแล้วยังแก้ยากอีกด้วย คงจะเห็นแล้วว่าลูกสะกดมีคุณค่าเพราะเป็นของศักดิ์สิทธิ์และสร้างได้ยากเย็นและต้องใช้ความพยายามอย่างสูง  ดังนั้นท่านผู้อ่านควรรีบขวนขวายหาเอาไว้เสียเพราะต่อไปจะหาได้ยาก


***สามารถติดตามผมและอ.เอกธนกรได้ที่....
โทร. 091-0365890,083-6872891,094-465-0029,085-4991499
เบอร์ติดต่อ ดูดวง24 ชั่วโมงกับอ.เอก ธนกร โทร.1900-888-448 หรือ www.horopu108.com
***สามารถติดตามแฟนเพจอ.เอกและอ.อิฐที่....
http://www.facebook.com/page.pu108  และ http://www.facebook.com/itpu108
IG : teeyai14 , IG: itpu108
Blog : http://teeyai6646.blogspot.com ,  http://itpu108.blogspot.com
***ประกาศอ.เอก ธนกร เปิดสอนวาโหราศาสตร์แล ะไสยศาสตร์ เรียนผ่านSMSเพียงเดือนละ 55บาท ส่ง8ข้อความต่อเดือน
***ถ้าอยากรู้คาถาอาคม ผ่านSMSกดที่ *484781306 แล้วโทรออก...
***ทางทีวี ติดตามได้ที่ช่องMystery Channel PSI  รายการสัมผัสที่6 ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา17:30-18:30น. 
      ช่อง UMM TV เวลา 10:00-11:30   และ  เวลา 14:00-15:30 ทุกวันพุธ
      ช่อง  R channel  เวลา 14:30-15:30 ทุกวันจันทร์
 

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

หุ่นพยนต์ความลี้ลับที่น่าพิศวง





หุ่นพยนต์
        คุณรู้หรือไม่ สิ่งลี้ลับที่น่ากลัวกว่ากุมาร และมีพลังอำนาจของวิญญาณที่ร้ายกาจ  และเวทมนต์คาถาที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน วันนี้ผมผมจะพาทุกคนให้มาสัมผัสสิ่งลี้ลับนั้นด้วยตัวคุณเอง   
          หุ่นพยนต์   วงการไสยศาสตร์เป็นที่ยอมรับกันดีเรื่องมีภูตผีเป็นผู้รับใช้ติดตามจะสายไหนก็มักจะมีข้ารับใช้เสมอ ทั้งสายเทพ สายพราย สายภูติ สายผี สายเวทย์ บางครั้งถูกเรียกไปต่างๆนานา เช่น
วิชามายาศาสตร์สร้างปู่โสม การฆ่าคนเพื่อเฝ้าสมบัติพัสถาน กุมารทองกุมารี รักยม อินจันทร์ อินแก้ว
ในลัทธิองเมียวโดของญี่ปุ่นมี   ชิกิงามิ ชิกิยิน เป็นการเสกกระดาษเป็นข้ารับใช้ ซึ่งเป็นพวกเดียวกับหุ่นพยนต์นี้ แต่ต่างกันออกไปที่หุ่นพยนต์จะสามารถสร้างจากวัตถุสิ่งขออะไรก็ได้   หุ่นพยนต์ ว่าจากคำว่า พยนต์แปลว่า สิ่งที่ผู้ทรงวิทยาคมปลุกเสกให้มีชีวิตขึ้น เช่น หุ่นพยนต์ เป็นรูปหุ่นจำลองของคน สัตว์ เทวดา ยักษ์ หรืออะไรต่อมิอะไร โดยอาศัยหลักการว่าอยากได้รูปร่างยังไงให้ทำหุ่นแบบนั้น หรือชนิดไหนตามแต่ความต้องการจะใช้หุ่นพยนต์ ประมาณว่าให้เหมาะสมกับงานที่จะใช้ไปทำ 
        วัสดุที่นำมาใช้สามารถทำได้เกือบทุกอย่าง ตั้งแต่หุ่นหญ้าสาน หุ่นก้านใบไม้สาน หุ่นเถาวัลย์สาน หุ่นหวายสาน ใบไม้ถัก หุ่นไม้แกะสลัก หุ่นไขเทียน หุ่นด้าย หุ่นผ้า หุ่นดิน หุ่นดินเผา หุ่นหิน  หุ่นกระเบื้อง หุ่นอิฐ หุ่นปูน หุ่นเงิน หุ่นทอง หุ่นโลหะ ซึ่งการเลือกใช้นั้นอาศัยหลักง่ายๆว่าอาจารย์ไหนใช้อะไรจะต้องใช้ตามอาจารย์ ผีธาตุไหนจะให้เหมาะก็ธาตุนั้นๆ เหมาะสมกับงานดำน้ำลุยไป อย่างไรก็ตามเห็นเพียงก้อนเดียวก็เป็นหุ่นพยนต์ที่ทรงพลังได้ ต้องมาจากวิชาอาคมวิทยาคมของผู้ทรงอาคมแกร่งกล้ามากเพียงไหนหุ่นพยนต์จะมีอานุภาพเพียงนั้น ที่สำคัญเอาสะดวกว่า บางครั้งจะเก็บติดตัวต้องพกพาไปไหนมาไหนง่าย  ขนาดกะทัดรัดหรือขนาดใหญ่ก็อาศัยว่าจะใช้งานอย่างไร หุ่นพยนต์ธรรมดามักจะแค่หุ่นที่เสกคล้ายมีชีวิต มีรูปร่างของวิญญาณที่มีฤทธิ์มีเดช แต่หากเป็นหุ่นพยนต์อาถรรพ์ เป็นของอาถรรพ์จะมารเอาวิญญาณ หรือผีสางนางไม้ วิญญาณสิงสาราสัตว์ ผีตายห่าตายโหง ผีตายพราย ตายทั้งกลม ผีแขวนคอตาย ผีรถชนตาย ผีจมน้ำตาย สัมภเวสีผีเร่ร่อน  สะกดลงในหุ่นเพื่อกำกับออกมาใช้ เรียกว่า พรายหุ่นพยนต์” 




          การใช้ของอาถรรพ์มาเป็นหุ่นนั้นประสบความสำเร็จมากสำหรับมือใหม่หัดทำ หรือมือเก่าขั้นฉมัง ไม่ว่าจะเป็นด้ายจูงศพ ผ้าหอศพ เชือกผู้คอตาย ดินเชิงตะกอนป่าช้ายิ่งเฮี้ยนยิ่งดี ขี้เถ้า ตะปูตอกโลงศพ เหล็กแทงศพ เขี้ยวงาสัตว์ พิษสัตว์ เมื่อได้วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องการเหมาะสมกับงานแล้ว ให้ขึ้นรูปตามที่คิดว่าจะทำตัวอะไร สิ่งที่นิยมคือ  หุ่นสาน หุ่นตัน (หุ่นปั้น) หุ่นแกะสลัก  3  อย่างนี้มักเห็นอยู่บ่อยๆ                    
       ประเภทที่  1 ถักสานย่านลิเภาเป็นหุ่นรูปจำลองคน  สองแขนหรือสี่แขนหรือสิบแขน นุ่งผ้าขาวผ้าแดง สานอาวุธติดพร้อมมือ หอกดาบปืนผาหน้าไม้กระบี่กระบองจักรธนู  จะให้ให้ขี่วัวขี่ควาย ขี่หมีขี่แรด ขี่เสือขี่ช้าง ขี่เหยี่ยวขี่หงส์หรือจะให้เป็นกองทัพเดินดิน ให้เป็นนักรบโชว์เดี่ยวหรือเป็นกลุ่ม ใช้ในการต่อสู้ ใช้ป้องกันตัวเป็นกลุ่มกองกำลังผีติดอาวุธยุทโธปกรณ์ 
        ประเภทที่ ปั้นหุ่น หล่อหุ่นเป็นสัตว์ มีเท้าไม่มีเท้า สองตีน สี่ตีน สิบตีน แสนตีน มีเขี้ยวมีงา มีงวงมีหาง มีหูมีเขา จะเป็นสัตว์ประหลาดหรือสัตว์ในวรรณคดีย่อมได้ บ้างให้เป็นเสือมีเขี้ยวมีเล็บหรือเขี้ยวดาบ  บ้างให้เป็นช้างมีงามีงวงหรือบ้างเป็นปลา ช้างน้ำมีงาลงน้ำได้สะดวก บ้างให้เป็นหมี บ้างให้เป็นแรดมีนอมีหนังแข็ง บ้างให้เป็นงูมีเขี้ยวมีพิษ บ้างให้เป็นนกมีหูมีตามีปากแหลมเล็บแหลมมองไกลได้สะดวกใช้เป็นเรดาร์ได้สบาย  ใช้ต่อสู้โจมตี             
         ประเภทที่ 3 แกะสลักจากไม้จากหิน หรือปั้นจากดิน เป็นยักษ์ปิศาจ สัตว์ประหลาดต่างๆ มีกระบองกระบี่ ขี่พาหนะ มีโล่มีเกาะ ยืนบ้างนั่งบ้าง ใช้ต่อสู้ หรือเฝ้าสถานที่ ปกปักษ์พิทักษ์รักษาสถานที่ต่างๆ ตามคำสั่งของผู้ใช้วิทยาคม   
         ประเภทที่ 4 หุ่นพยนต์ตาปะขาว ยายปะขาว ชีปะขาว หุ่นพยนต์ตัวครูพ่อครู เป็นปู่ครูอาคม นุ่งขาวห่มแดง ใช้รักษาวิชาอาคม ปกป้องคุ้มภัย ใช้ถามไท้ความอยากรู้ต่างๆ ใช้ป้องกันตัวจากภูตผีปิศาจ ใช้เป็นเมตตามานิยม รักษาผลประโยชน์ของเจ้าของ  ทำให้ผู้ประสงค์ร้ายมีอันเป็นไปในรูปแบบต่างๆ   
         ประเภทที่ 5 หุ่นพยนต์ตะกรุด เป็นด้ายหรือเชือกผูกเป็นปม ประกอบด้วยหัว ลำตัว แขน ขา ใช้แผ่นโลหะ บ้างใช้ทองเหลือง บ้างใช้แผ่นเงิน บ้างใช้แผ่นทองคำ บ้างใช้แผ่นทองแดง บ้างใช้แผ่นเหล็ก บ้างใช้แผ่นตะกั่ว พันเป็นหัวเป็นตัวเป็นแขนขา ตะกรุดประเภทนี้เหมือนกับการพกติดตัวไปไหนมาไหนมาที่สุด สะดวกที่จะห้อยติดตัวแขวนติดรถ มัดติดกระเป๋า นิยมใช้ในการป้องกันตัว ไล่ภูตผีปิศาจ เมตตามหานิยม เป็นมหาเสน่ห์ก็ได้
        เมื่อได้รูปปั้นตามต้องการแล้วก็นำมาประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ เรียกว่า ผูกหุ่นพยนต์”  คือการเอารูปหุ่นที่ได้แล้วมาเป่าเสกคาถา ปลุกผีแล้วสะกดลงหุ่น ให้ภูตผีสิ่งสถิตหุ่นพยนต์ ในระดับนี้จะเรียกว่าพรายหุ่นพยนต์ ปลุกเสกเสร็จแล้วจะมีวิธีการเลี้ยงรักษาแน่นอนหุ่นพยนต์ปกติไม่กินอะไรอยู่แล้ว จะมีคาถากลบทอยู่ 4 คาถาที่ใช้หลังจากปลุกเสกแล้ว ตามตำหรับที่ผมได้ศึกษามา การนำหุ่นไปที่มีผีเฮี้ยนแล้วลุกผีขึ้นมาจากนั้นก็เจรจากันให้ดี ถ้าผียอมดีๆเราจะใช้ทำงานง่ายขึ้น จากนั้นใช้คาถาผูก หากเป็นตำหรับที่ไม่ต้องใช้พรายสะกด ตัวอย่างเช่น ตำหรับของหลวงปู่สุข วัดปากครองมะขาวเฒ่าท่านว่าเอาหญ้าคาหรือหญ้าแพรก ผ้าที่ท่านชักบังสุกุลหรือสายสิญจน์ที่ใช้สวดมนต์นำมาถักเป็นหุ่น แล้วปลุกให้ขึ้นจนมีรูปร่างใหญ่โตก็ได้ ให้หัดทำในที่ลับตาคน เมื่อทำเป็นแล้วจึงทำที่ใดก็ได้ ขณะที่จะเริ่มเป็นหุ่นนั้น จะกลิ้งโคลงเคลงเสียงดังโครมครามเสียก่อน จากนั้นก็ใช้คาถาหัวใจนิพพานสูตร อะนิโสสะ  โสสะอะนิ พระคาถานี้ใช้บริกรรมผูกหุ่น จนกว่าจะเป็นขึ้นมาสะอะนิโสพระคาถานี้ ใช้บริกรรมเรียกหุ่นให้มาหาเรา เมื่อจะไปในที่ใด ให้ขี่คอหุ่นนั้นไปเถิด   อะนิโสสะพระคาถานี้ เมื่อผูกหุ่นให้เป็นขึ้นมาแล้ว จะให้อยู่ในที่ใดก็ดี ให้เสกเอาสายสิญจน์คล้องคอหุ่นไว้ เมื่อจะใช้ไปไหนค่อยถอดออก  “ นิโสสะอะ เมื่อจะใช้หุ่นไปไหนให้ บริกรรมคาถานี้ขับออกให้ไป แล้วเอาสายสิญจน์ออก 
ในตำราอีกหลายตำราจะใช้คาถานี้คือ "โอม ปลุกมหาปลุก กูจะปลุกพ่อหุ่นพยนต์ ด้วยอะหังทุกัง นะมะพะทะ" ถ้าจะให้ผีพรายสิงก็ใช้ "อมปลุก มหาปลุก กูจะปลุกโหงพรายด้วยนะมะพะทะนะละภูตาปิยังมะมะฯ" เป็นการปลุกผีพรายที่อยู่ในหุ่นพยนต์เข้าสิงคนอื่น และคาถาสำหรับหุ่นพยนต์ ให้ใช้คาถาสี่กลบทนี้ในการควบคุม คือ เรียก ปลุก ผูก ขับหลักการนี้สามารถใช้กับผีประเภทอื่นๆได้ เพื่อให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจเรา
คาถาเรียก (เรียกพรายให้มาหา)
จิเจรุนิ จิตตัง เจตะสิกัง รูปังนิพพานัง พะทะนะมะ เตโชธาตุทีฆังวา อะสะจะภะ วาโตเสนโตเอกะชานัง ปะรังยันตะวา อาคัจฉามิ 
คาถาปลุก (ปลุกพรายเพื่อสั่งการใช้งาน)
จิเจรุนิ จิตตัง เจตะสิกัง  รูปังนิพพานัง มะพะทะนะ  ปถวีธาตุทีฆังวา ภะกะสะจะ  วาโตเสนโต  ปะสสาโสหัทธะยัง สิวัง ชีวัง อุตเตติ


คาถาผูก (ผูกพรายให้อยู่กับที่ไม่ออกไปเพ่นพ่าน)
จิเจรุนิ จิตตัง เจตะสิกัง รูปังนิพพานัง ทะนะมะพะ วาโยธาตุทีฆังวา สะจะภะกะ วาโตเสนโตพุทธา พันธะ นายะกัง พันธัตตะวาคาถาขับ (ขับพราย ไล่พรายให้ไปไกลๆ)จิเจรุนิ จิตตัง เจตะสิกัง รูปังนิพพานัง นะมะพะทะ อาโปธาตุทีฆังวา จะภะกะสะ วาโตเสนโตอัสสาโส นิพพานังสูญญัง คัจฉะติ 
       เมื่อจะทำให้จัดเครื่องกระยาบวช ๑ สำหรับบูชาครู เทียนเล่มหนัก ๑ บาท ผ้าขาว ๑ ผืน เงิน ๑ บาท เอาแป้งปั้นเป็นควายดำ ๑ ตัว ท่องคำบูชาครู  ตะมัตถัง ปะกาเสนโต สัตถาอาหะ อิมะอะวิ ตะอุอะมิ มะสะนะโม สิบนิ้วของข้าขอน้อมนมัสการ แด่คุณครูบาอาจารย์ ผู้ประสาทวิทย์ อันเป็นมิ่งมิตรทั่วโลกา ข้าพเจ้าขอไหว้เทพยดาผู้ศักดิ์สิทธ์ ทั้งพระองค์พรหมศรี ผู้เรืองฤทธิไกร อีกทั้งครูผู้รู้ไสยศาสตร์โหราจารย์ จงมาอภิบาลปกเกศ ทั้งบิตุเรศชนนี หลวงพ่อกวยก็ดีจงมาเป็นสักขีพยานให้ข้า ซึ่งจะท่องว่าคาถาอาคม ให้บรรจุสิ้นและศักดิ์สิทธิ์ เป็นนิมิตดีแก่ข้า ณ บัดนี้เทอญ                   
      กล่าวคือตำหรับของหลวงปู่สุขนั้นได้รับกล่าวขานว่า เสกหัวปลีเป็นกระต่าย การเสกใบมะขามเป็นตัวต่อซึ่งเป็นที่ประจักษ์ต่อหน้าพระพักต์ของกรมหลวงชุมพรฯ (เสด็จเตี่ย) มาแล้ว ในหุ่นพยนต์ที่หลวงปู่สุขสร้างนั้นรุ่นที่ทำจากน้ำว่านและใบไม้ 7 อย่าง ใบตาล ใบลาน ใบขนุน ใบคูณ ใบพยุง ใบรัก ใบจันทร์ แล้วจารอักขระคาถายันต์หัวใจนักรบ ผูกเป็นหุ่นพยนต์อาถรรพ์ขึ้นมา
      ในตำหรับอีกหลายตำหรับจะใช้คาถานี้คือ " โอม ปลุกมหาปลุก กูจะปลุกพ่อหุ่นพยนต์ ด้วยอะหังทุกัง นะมะพะทะ" ถ้าจะให้ผีพรายสิงก็ใช้ "อมปลุก มหาปลุก กูจะปลุกโหงพรายด้วยนะมะพะทะนะละภูตาปิยังมะมะฯ" เป็นการปลุกผีพรายที่อยู่ในหุ่นพยนต์เข้าสิงคนอื่น และคาถาสำหรับหุ่นพยนต์ ให้ใช้คาถาสี่กลบทนี้ในการควบคุม คือ เรียก ปลุก ผูก ขับหลักการนี้สามารถใช้กับผีประเภทอื่นๆได้ เพื่อให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจเรา
      หุ่นพยนต์แม้ว่าโดยรวมๆแล้วจะไม่มีพิษมีภัย แต่ควรใช้อย่างระมัดระวัง เพราะถ้าเลี้ยงงูเห่า ก็อย่าให้งูเห่าแว้งกลับมากัดเราได้